วันนี้ 28 ตุลาคม 2560 ได้มีผู้ใช้งานเว็บไซต์พันทิปชื่อ “นามแอบแผง” ได้ทำการโพสต์กระทู้พร้อมข้อความ
“ระวังไว้นะครับ ดูหนังออนไลน์ CPU คอมคุณอาจจะพังไม่รู้ตัว”
โดยระบุว่า แจ้งเตือนเว็บไซต์ดูภาพยนตร์ออนไลน์อันดับหนึ่ง ติดโค้ดขุด บิทคอยน์ (Bitcoin XMR) ไว้ที่หน้าเว็บไซต์ และซึ่งหลังจากที่กดคลิ๊กเลือกดูภาพยนตร์ โค้ดขุด บิทคอยน์ (Bitcoin XMR) ก็จะเริ่มทำการขุด บิทคอยน์ ทันที ซึ่งหากดูบนคอมพิวเตอร์ อาจจะทำให้ซีพียูเสื่อมประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว และหากดูบนโทรศัพท์มือถือ ก็จะทำให้เกิดความร้อนสูง เพราะซีพียูที่ติดตั้งในโทรศัพท์มือถือทำงานหนักเกินไป จนอาจ ระเบิดได้
“ถ้าหากมีคนเข้าเว็บ 50,000 คน/วัน รายได้ (ตามรูป) หากอยู่ในเว็บ 24 ชั่วโง กรณี อยู่ในเว็บ 3 ชั่วโมง เอา 8 ไปหาร 24 จะได้ 3 ชั่วโมง ต่อคน เท่ากับ มีรายได้ เอารายได้ตามรูป มา หารด้วย 8 จะตกราวๆ 14,400 บาท/วัน ครับ อันนี้ คิดจาก CPU ทั่วๆ ไป ที่มีแรงขุด 200 H/S กรณีขุด XMR หรือ เหรียญ Monero ครับ
ถ้าขุดด้วย JavaScript แรงขุด จะมีแรงแค่ 1/4 ของ การใช้โปรแกรมขุด อย่าง Nicehash miner , Minergate , Craymore CPU Miner , XMRig , XMR-Stak-CPU กรณีเว็บด้านบน ใช้ CPU 50% เท่ากับว่า จะมีแรงขุด ราวๆ 50 H/S ต่อคน เอา 50 H/S คูณ 50,000 คน หาร ด้วย 8 เพื่อให้ แต่ละคน ใช้เวลาบนเว็บดูหนัง 3 ชั่วโมง
รายได้จาก Popads ก็ได้ละ มาเอาทางนี้อีก แถมเว็บ Top1 คีย์ “ดูหนังออนไลน์”
** เมื่อท่านกำลังเลือกหนัง มันจะไม่เริ่มขุด พอเลือกหนังที่จะดูแล้วจะเริ่มขุดทันที กำหนด CPU 50%
ทั้งนี้ทางเรา ก็ได้หาวิธีการป้องกันเบี้องต้น นั่นก็คือการติดตั้ง “No Coin” ซึ่งเป็นส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์ ที่สามารถป้องกันไม่ให้โค้ดขุด บิทคอยน์ (Bitcoin XMR)ชุดนี้สามารถทำงานได้ ส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์ “No Coin” ถูกพัฒนามาจาก “Keraf” และในขณะนี้ “No Coin” สมารถดาวน์โหลดฟรีแล้วในเว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome และ Mozilla Firefox
-
Google Chrome —- > คลิกโหลด
2.mozilla firefox —- > คลิกโหลด
ทั้งนี้ บิทคอยน์ (Bitcoin) คือ สกุลเงินสมมติที่ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบดิจิทัล เพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ โดยไม่ขึ้นกับสกุลเงินใด ๆ ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญทั่วไป โดยบิทคอยน์มีหน่วยเงินตราเป็น BTC เหมือน ๆ กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ใช้หน่วยเงินตราเป็น USD สกุลเงินเยนของญี่ปุ่นที่ใช้ JPY หรือสกุลเงินบาทไทยที่ใช้เป็น THB นั่นเอง ซึ่งบิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2552 และเริ่มถูกนำไปใช้แลกเปลี่ยนซื้อ-ขายสินค้ากันจริง ๆ ในโลกออนไลน์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ที่มา : https://pantip.com/topic/37026492