แนะนำ 3 วิธีลบรอยสักที่ได้มาตรฐาน
หากจะบอกกว่าการสักเป็นมากกว่าแค่เรื่องแฟชั่นก็คงไม่ผิดมากนัก เพราะนอกจากรอยสักแบบวัยรุ่นแล้ว เรายังสามารถพบเห็นคนจำนวนมากที่สักยันต์ตามความเชื่อ หรือสักสัญลักษณ์เพื่อใช้เป็นสัญญาณใจระหว่างคู่รักหรือกลุ่มที่ตัวเองสังกัดได้อีกเช่นกัน ถึงแม้เหตุผลในการสักของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า หลายคนก็อาจมีความจำเป็นต้องลบรอยสักทั้งจากเหตุผลด้านหน้าที่การงาน หรืออาการเบื่อ หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวแต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงจะทำให้รอยสักหายไปได้ ต้องบอกก่อนเลยว่าคุณมาถูกที่แล้ว เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 3 วิธีลบรอยสักที่ได้มาตรฐาน ตามรายละเอียดด้านล่าง ดังนี้
เพราะการสักคือการนำเม็ดสีเข้าสู่บริเวณผิวหนังด้วยเครื่องมือช่าง ดังนั้นถ้าหากใครอยากลบรอยดังกล่าว สิ่งที่เราต้องทำเลยก็คือการนำเม็ดสีใต้ผิวหนังออก ซึ่งความยากง่ายของการทำให้รอยสักจางลงไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สีที่นำมาใช้สัก, สีผิวของผู้มีรอยสัก และความลึกของการฝังเม็ดสี เป็นต้น
มีทั้งหมดกี่วิธี
จริงๆ การลบรอยสักสามารถทำได้หลายวิธีทั้งแบบชั่วคราวและแบบถาวร แต่ในวันนี้เราอยากจะขอพูดถึงการลบรอยต่างๆ แบบถาวรเป็นหลัก โดยในปัจจุบันเราสามารถแบ่งวิธีลบรอยจากอุปกรณ์สักที่ได้มาตรฐานออกเป็น 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่
ลบด้วยเลเซอร์
สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีลบรอยสักให้เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ การลบด้วยเลเซอร์ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์อย่างมาก เนื่องจากการใช้เลเซอร์สามารถทำให้เม็ดสีที่ฝังอยู่ตามผิวหนังสามารถแตกตัวออกเป็นสสารขนาดเล็กที่ร่างกายของเราสามารถกำจัดออกเองได้ภายในระยะเวลาไม่นาน โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง และไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นตามมา
ลบด้วยการผ่าตัด
ขั้นตอนของการลบด้วยวิธีดังกล่าวจะเริ่มจากการที่แพทย์ผ่าตัดผิวหนังบริเวณที่มีรอยสักออกไป ก่อนทำการเย็บปิดปากแผลในกรณีที่รอยสักมีขนาดเล็ก หรือนำผิวหนังส่วนอื่นมาทดแทนบริเวณที่ผ่าตัดออกไปในกรณีที่รอยสักมีขนาดใหญ่ เนื่องจากการผ่าตัดคือการใช้อุปกรณ์แพทย์เพื่อนำชิ้นส่วนของผิวหนังบริเวณที่มีรอยสักออก ดังนั้นจึงทำให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็นค่อนข้างสูง
ลบด้วยกรอผิว
การกรอผิวคือการที่ผู้เชี่ยวชาญนำเครื่องมือแพทย์มาใช้ขัดบริเวณที่มีรอยสักเพื่อขจัดเม็ดสีหลังจากทายาชา ถึงแม้วิธีดังกล่าวจะช่วยลบรอยสักได้ถาวรเหมือนกับการผ่าตัดและการใช้เลเซอร์ แต่สิ่งที่ผู้เข้ารับการรักษาต้องแลกคืออาการเจ็บและปวดทั้งในระหว่างและหลังการรักษา อีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดแผลอักเสบ และรอยแผลเป็น