ในยุคที่ใคร ๆ ก็สร้างคอนเทนท์ขึ้นมาจนเข้าสู่กระแส ‘สึนามิ คอนเทนท์’ (Content Tsunami) หรือคอนเทนท์ล้นตลาด จะทำอย่างไรให้คอนเทนท์ของเราโดดเด่นเหนือคู่แข่งและตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด ถึงเวลาแล้วที่นักการตลาดต้องมีผู้ช่วยที่จะเปลี่ยนการสร้างคอนเทนท์ทั่วไปให้กลายเป็นคอนเทนท์การตลาด (Marketing Contents) ขั้นเทพ ด้วย 5 SEO ปลั๊กอินยอดนิยมแห่งปี 2019 เพื่อเปลี่ยนคนที่สนใจ (Consideration) ให้กลายเป็นลูกค้า (Purchase) หรือแฟนพันธ์แท้ของแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน
ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO Specialist และ Digital Marketing แห่งบริษัท SEO Heroes Bangkok แนะนำว่า ท่ามกลางคอนเทนท์มากมายในหลายช่องทาง การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพื่อช่วยให้คอนเทนท์ของคุณติดการค้นหาหน้าแรกใน Google นั่นหมายถึงโอกาสในการที่ลูกค้าจะเข้าถึงสินค้าและบริการของคุณก็มากขึ้นเช่นกัน ว่าแต่ 5 เครื่องมือหรือปลั๊กอินในการทำ SEO ยอดนิยมใน WordPress มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!
Squirrly
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Squirrly และปลั๊กอิน SEO แบบ all-in-one อื่น ๆ คือมันช่วยให้คุณสามารถเขียนบทความหรือสร้างคอนเทนท์ที่เหมาะกับเครื่องมือค้นหา (Search Engine) และพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่ามันเป็นปลั๊กอินการตลาดแบบครบวงจรเลยทีเดียว และ Squirrly เป็นปลั๊กอินที่สามารถโหลดใช้งานฟรี! (แต่ถ้าคุณอยากอัพเกรดเวอร์ชั่นให้ใช้งานได้เต็มรูปแบบก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ทั้งยังมีฟังก์ชั่น SEO Live Assistant ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของบทความ ผ่านเครื่องมือการวิเคราะห์ Keywords จากสิ่งที่ผู้คนพูดถึงอย่างมากใน Twitter และโซเชียลมีเดียอื่น ๆ โดยวัดจากความนิยมของหัวข้อและอันดับในการแข่งขัน ที่เหลือคุณก็แค่ปรับแต่งหน้าตาเว็บไซต์ตามคำแนะนำของมันได้เลย ทั้งยังช่วยให้คุณทราบว่า การเขียนบทความของคุณสอดคล้องกับคำที่ผู้บริโภคใช้ค้นหาในโซเชียลฯ แล้วหรือไม่
นอกจากนี้ Squirrly ยังสามารถวิเคราะห์เนื้อหาเป็นรายสัปดาห์ เพื่อตรวจสอบการทำ SEO ในบทความนั้น ๆ และนำเสนอภาพรวมโดยละเอียดเกี่ยวกับแง่มุมต่าง ๆ จึงช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการตลาดได้อย่างรวดเร็ว ความน่าทึ่งอีกอย่างของปลั๊กอินนี้คือมันง่ายต่อการใช้งานมาก ๆ คุณแค่ใส่ชื่อธุรกิจและโลโก้เท่านั้นล่ะ! จากนั้นปลั๊กอินจะวิเคราะห์โครงสร้างและข้อมูลในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ บันทึกข้อมูลทุกครั้งที่ดาวน์โหลด ทำความเข้าใจธุรกิจผ่านบทความที่นำเสนอ เพื่อให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และช่วยในการบูสท์ยอด CTR (Click Through Rate) หรืออัตราส่วนที่บ่งบอกว่า มีผู้คลิกเข้าชมโฆษณาของคุณบ่อยแค่ไหนใน GDN (Google Display Network) แน่นอนมันส่งผลต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ใน Google นั่นเอง
Redirection
เคยมั้ย? ตั้งชื่อเว็บไซต์หรือโดเมน (Domian)แล้วเกิดเปลี่ยนใจอยากใช้ชื่อใหม่ที่โดนใจกว่า แต่กลับต้องปวดใจเมื่อขั้นตอนการเปลี่ยนลิงก์ URL นั้นแสนจะยุ่งยากซับซ้อน บางครั้งธุรกิจของคุณอาจต้องการปรับปรุงเว็บไซต์หรือเปลี่ยนที่อยู่โดเมน ซึ่งคงไม่ดีแน่หากผู้บริโภคคลิกเข้าไปเจอกับหน้าเพจ 301Redirects หรือ 404 Page Error ซึ่งมอบประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับลูกค้าหรือผู้บริโภค และ Google ก็ลดคะแนนของเว็บไซต์ลงด้วย เพราะมันสะท้อนความไม่น่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือแม้แต่ธุรกิจของคุณอีกด้วย ไหนจะต้องกังวลเรื่องการตั้งค่าต่าง ๆ ใหม่ทั้งหมด (แค่คิดก็ปวดหัวแล้วใช่มั้ยล่ะ) จากนี้ชีวิตของคุณจะง่ายขึ้นทันทีเมื่อติดปลั๊กอินที่ชื่อ ‘Redirection’
Redirection เป็นปลั๊กอินฟรี! ที่น่าเชื่อถือและเก่าแก่ที่สุดของ WordPress จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในยามที่ธุรกิจต้องการเปลี่ยนโดเมน เพราะมันจะเชื่อมต่อลิงก์ URL ใหม่แบบอัตโนมัติ หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงลิงก์ของโพสต์หรือเว็บเพจ แม้แต่การเปลี่ยนแปลง Permalinks ก็สามารถตรวจสอบผ่านปลั๊กอินได้เช่นกัน ทั้งยังช่วยให้คุณตั้งค่าเฉพาะที่สามารถสร้างการลิงก์ URL แบบมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดายอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถใช้องค์ประกอบหลายอย่างเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ของคุณ เช่น Referrer, Browser, IP, Server, HTTP Header, Cookies, Login Status, Page Type เป็นต้น
ShortPixel Image Optimizer
คงไม่ดีแน่หากผู้บริโภคหรือลูกค้าคลิกลิงก์เข้าไปที่หน้าเว็บฯ ของคุณ แล้วต้องอดทนรอดาวน์โหลดนาน ๆ เพราะขนาดรูปภาพที่อัพโหลดลงในเว็บไซต์ใหญ่เกินไปนั่นล่ะ สุดท้ายผู้บริโภคก็ตัดสินใจปิดหน้าเว็บไซต์ของคุณแล้วไปค้นหาเจ้าอื่นใน Google แทน (นั่นเท่ากับคุณเสียลูกค้าไปแล้ว) แต่จะให้นั่งปรับไซส์รูปภาพที่ละอันคงจะปวดหัวและเสียเวลาไม่น้อย เรามีปลั๊กอินฟรี! ที่ช่วยในการบีบอัดรูปภาพที่ดีที่สุดสำหรับ WordPress ที่ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และบล็อกเกอร์ทั่วโลกนิยมใช้อย่างแพร่หลาย เพราะมันเป็นปลั๊กอินที่ช่วยให้ปรับขนาดของรูปโดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของเว็บฯ นั่นเอง
วิธีง่าย ๆ แค่ติดตั้งปลั๊กอิน ShortPixel ลงในเว็บฯ จากนั้นระบบจะทำการปรับขนาดของรูปภาพอัตโนมัติ เท่านี้คุณก็ไม่ต้องปวดหัวและเสียเวลากับการปรับขนาดรูปภาพก่อนลงเว็บฯ อีกต่อไป ทั้งยังช่วยให้การโหลดเข้าเว็บฯ เป็นไปอย่างรวดเร็วทันใจ ประหยัดเวลาและพื้นที่ในการจัดเก็บ แบ็คอัพ หรือโยกย้ายข้อมูล เรียกว่า ประทับใจผู้บริโภคที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลแบบฉับไวและ Google ก็ปลื้มด้วยเช่นกัน
WP Rocket
การรวมร่างขั้นสุดยอดของ 2 ปลั๊กอินที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณรวดเร็วขึ้นอีกเยอะ นั่นคือคุณสมบัติในการปรับขนาดรูปภาพของ ShortPixel Image Optimizer เข้ากับ WP Rocket ซึ่งเป็นปลั๊กอินแบบเสียเงิน (Paid) ที่คุ้มค่าและดีที่สุดในการจัดการกับแคช (Caching) การพรีโหลด (PreLoad) การบีบอัด (Compression) การเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimization) เป็นต้น แม้จะเป็นปลั๊กอินที่ต้องเสียเงินแต่ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เพราะมันช่วยติดสปีดให้เว็บไซต์ของคุณจัดการกับระบบต่าง ๆ ที่ซับซ้อนได้อย่างสะดวกสบาย
ปัจจุบันมีปลั๊กอินมากมายใน WordPress ที่ช่วยให้คุณจัดการกับแคชสำคัญต่าง ๆ ในเว็บไซต์ แต่ด้วยระบบการทำงานที่มีความซับซ้อนมากเกินจำเป็นของปลั๊กอินอื่น ๆ หรือแม้แต่ Google Analytics ก็ตาม ส่งผลให้ WP Rocket กลายเป็นสุดยอดปลั๊กอินที่โดดเด่นเหนือคู่แข่งในท้องตลาดเวลานี้ พร้อมคุณสมบัติเด่นอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น
- ดาวน์โหลดรูปภาพได้ตามต้องการ
- เพิ่มประสิทธิภาพหรือปรับขนาดไฟล์ HTML, CSS และ JS
- บันทึกข้อมูลของคอนเทนท์ที่มีคนกลับเข้ามาอ่านซ้ำบ่อย ๆ เพื่อให้การแสดงผลหน้าเว็บฯ เร็วขึ้น
- ช่วยให้การกำหนดค่าต่าง ๆ เป็นไปอย่างง่ายดาย ทั้งยังช่วยให้ developers ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้าหรือโปรเจกต์พิเศษอีกด้วย
นอกจากนี้ WP Rocket จะค้นหาช่องทางในการเข้าถึงบทความ อุปกรณ์ เพศ อายุ ความสนใจ ฯลฯ เพื่อเชื่อมต่อผู้คนให้เข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น ทั้งยังตรวจสอบประสิทธิภาพและรายละเอียดที่สมบูรณ์เกี่ยวกับเว็บไซต์ผ่านการเข้าชม เปอร์เซ็นต์การเข้าชมเว็บไซต์ (แค่หน้าใดหน้าหนึ่ง) แล้วก็ไม่ไปที่หน้าอื่นต่อ (Bounce Rate) ระยะเวลาเฉลี่ยในการเข้าชมเว็บไซต์ (Average visit duration) อัตราการโต้ตอบหรือแสดงความคิดเห็น (Conversion Rate) รวมถึงตัวชี้วัดอื่น ๆ ที่มีความสำคัญ เช่น รายได้ การทำธุรกรรม เป็นต้น
Smartlook
อีกหนึ่งปลั๊กอินขั้นเทพที่จะช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น นั่นคือ Smartlook เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นมือถือ ที่จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้งานของผู้บริโภคไว้อย่างละเอียด ตั้งแต่บันทึกการเข้าชมเว็บไซต์ การตรวจวัดอุณหภูมิหรือตำแหน่งที่คนให้ความสนใจมากที่สุด (Heatmaps) , Conversion Funnel และระบบการติดตามอัตโนมัติ (Automatic Tracking) เพื่อช่วยระบุปัญหาในการใช้งานได้อย่างชัดเจนและช่วยในการปรับปรุงแก้ไขได้ตรงจุด ทั้งยังช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น คู่ควรอย่างยิ่งสำหรับร้านค้าออนไลน์หรือแบรนด์ที่ต้องการมอบประสบการณ์การช้อปที่สะดวกสบายแค่ปลายนิ้ว
Smartlook เป็นปลั๊กอินที่อนุญาตให้คุณทดลองใช้ในแบบ Free Trial ซึ่งคว้าใจนักการตลาดทั่วโลกที่ให้ความสนใจปลั๊กอินนี้เป็นอย่างมาก เพราะมันช่วยในการทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ใด้อย่างเจาะลึก เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ ปรับแต่ง หรือตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ บนเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงสินค้าและบริการ การค้นหา และการกลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์บ่อยครั้ง (จนกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ในที่สุด) เมื่อพวกเขามั่นใจในแบรนด์ก็จะกลับมาใช้บริการซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังบอกต่อให้กับคนอื่น ๆ นั่นคือเป้าหมายสูงสุดในการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คน แน่นอนที่สุดมันช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของ Google อีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือ ปลั๊กอินยอดนิยมแห่งปีที่ SEO Heroes Bangkok พิสูจน์กับลูกค้าทุกคนของพวกเขาแล้วว่า “เวิร์คสุด” ซึ่งนอกจากจะช่วยให้นักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจนำไปปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมอบประสบการณ์ที่ดีและสร้างความประทับใจให้ลูกค้าอีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.seoheroesbangkok.com