วิเคราะห์และคาดการณ์เอเชียนคัพ
เริ่มแล้วกับการการแข่งขันฟุตบอลชายชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 18 หรือเอเชียนคัพ 2023 ที่ประเทศจากทวีปเอเชียเข้าร่วมเพื่อชิงเป็นสุดยอดทีมฟุตบอลระดับเอเชีย ซึ่งมีไทยร่วมเป็นหนึ่งในทีมการแข่งขัน ซึ่งในปี 2023 นี้ประเทศกาตาร์ได้เป็นเจ้าภาพ โดยมีทีมที่เข้าร่วมทั้งหมด 24 ทีมจากแต่ละประเทศ จัดการแข่งขันทั้งหมด 20 นัดด้วยกัน
และแน่นอนว่าเมื่อมีการแข่งขันรายการใหญ่ วงการพนันกีฬาในเว็บพนันออนไลน์ย่อมคึกคักตามไปด้วย มีการวิเคราะห์การแข่งขัน เอ่ยถึงตัวเต็ง และอัตราต่อรองที่จะเกิดขึ้นในการแข่งขั้นครั้งนี้กันเป็นวงกว้างเลยทีเดียว
ตัวเต็งแชมป์เอเชียนคัพ
ผู้เชี่ยวชาญในวงการพนันกีฬาได้คาดการณ์และวิเคราะห์ศึกแห่งเอเชียเกี่ยวกับศึกแชมป์แห่งเอเชียนี้กันอย่างเข้มข้น โดยทีมที่พวกเขาต่างเล็งเห็นว่ามีโอกาสคว้าแชมป์มากที่สุดจะเป็น 5 ทีมจากประเทศต่อไปนี้ หรือที่เรียกว่า 5 เสือเอเชียนั่นเอง
ญี่ปุ่น
ถึงแม้จะเป็นหนึ่งใน 5 เสือเอเชียที่คิดว่าจะเป็นแชมป์เอเชียนคัพ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างลงความเห็นว่าญี่ปุ่นจะเป็นชาติที่ได้แชมป์อย่างแน่นอน ซึ่งหากวิเคราะห์จากสถิติเดิมก่อนหน้านี้ที่มีผลงานแชมป์ 4 สมัย และล่าสุดเป็นรองแชมป์เมื่อปี 2019 รวมไปถึงผลงานในฟุตบอลโลกที่ผ่านมา ทำให้ไม่แปลกใจว่าพวกเขาจะถูกยกย่องให้เป็นทีมเต็งอันดับหนึ่งของการแข่งขันรายการนี้ไป
ญี่ปุ่นเป็นทีมฟุตบอลที่อยู่อันดับที่ 17 ของโลก โดยมีอัตราต่อรองในการเดิมพันอยู่ที่ 5/2 นั่นหมายความว่าหากลงเดิมพัน 2 จะได้ผลตอบแทน 5 โดยไม่รวมทุน
สิ่งที่ทำให้อัตราต่อรองของญี่ปุ่นโดดเด่นขึ้นมานั่นก็คือผลงานจากฟีฟ่าเวิล์ดคัพเมื่อปี 2022 ที่สามารถล้มแชมป์โลกอย่างเยอรมันได้นั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเฮดโค้ชอย่าง ฮาจิเมะ โมริยาสุ ที่คุมทีมชาติญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน โดยมีอัตราการชนะอยู่ที่ 68.49% จากการแข่งขันทั้งหมด ซึ่งเป็นสถิติที่ค่อนข้างสูง
เกาหลีใต้
เกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งทีมชาติที่ดูเหมือนจะแข่งแกร่งไม่แพ้ญี่ปุ่น และได้รับโควตาในการเข้าร่วมแข่งขันฟีฟ่าเวิล์ดคัพหรือฟุตบอลโลกอยู่ในทุก ๆ ครั้ง พวกเขามีดีกรีแชมป์เอเชียนคัพถึง 2 สมัยด้วยกัน และไม่เพียงเท่านั้น นักเตะของเกาหลีใต้ก็ต่างพากันกระจัดกระจายค้าแข้งอยู่ที่ลีกยุโรปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ ซนฮึงมิน นักเตะตัวเต็งดาวรุ่งที่ชาวเกาหลีต่างตั้งความหวังเอาไว้
แต่ทว่าหากเทียบอันดับแรงกิ้งในฟีฟ่า ทีมชาติเกาหลีใต้ยังเป็นรองญี่ปุ่นถึง 10 อันดับ โดยพวกเขาอยู่อันดับที่ 27 ของโลก นอกจากนี้เฮดโค้ชของเกาหลียังเป็นชาวเยอรมันที่ดูเหมือนจะมีข่าวที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ทำให้สมาธิของทีมไม่เป็นหนึ่งเดียวกันเท่าที่ควร อีกทั้งหากคู่ต่อสู้เลือกใช้วิธีประกบซนฮึงมินก็อาจทำให้เขาเคลื่อนไหวในสนามได้ไม่เต็มที่นัก จึงทำให้อัตราต่อรองของทีมประเทศเกาหลีใต้อยู่ที่ 5/1
อิหร่าน
อิหร่านเป็นทีมที่มีดีกรีแชมป์เอเชียนคัพทั้งหมด 3 สมัยด้วยกัน และอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก ซึ่งเหนือกว่าเกาหลีใต้ไม่กี่อันดับ พวกเขาเป็นทีมที่เน้นแท็กติกยอดเยี่ยม และมีกุนซืออย่าง อามีร์ กาเลนอย ที่ได้รางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีจากลีกอิหร่านเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้เป็นอีกหนึ่งทีมที่น่าจับตามองเช่นเดียวกัน
โดยทีมชาติอิหร่านมีดาวซัลโวจากลีกโปรตุเกสอย่าง เมห์ดี้ ตาเรมี่ ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 22-23 ที่ผ่านมา และยังเป็นคีย์แมนคนสำคัญที่กำลังอยู่ในจุดพีคของอาชีพค้าแข้ง รวมไปถึงนักเตะคนอื่น ๆ ที่อยู่ในจุดพีคด้วยเช่นเดียวกัน โดยอัตราการต่อรองของทีมชาติอิหร่านอยู่ที่ 7/1 ซึ่งเป็นอันดับสามร่วมกับซาอุและออสเตรเลีย
ซาอุดีอาระเบีย
ซาอุเป็นประเทศที่มีทีมฟุตบอลฝีมือดีระดับโลกย้ายเข้ามาทำการค้าแข้งกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ทีมของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผลงานจากเอเชียนคัพที่ผ่านมาเป็นแชมป์ถึง 3 สมัยด้วยกัน และอยู่ในอันดับที่ 54 ของอันดับโลก ทำให้เป็นตัวเต็งอีกหนึ่งทีมอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่เพียงเท่านั้น ทีมชาติซาอุยังได้เฮดโค้ชฝีมือดีอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่เคยสร้างผลงานพาแมนซิตี้ในพรีเมียร์ลีกคว้าแชมป์ และพาอิตาลีเป็นที่หนึ่งในบอลยูโรปี 2020 ที่ผ่านมาอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าฝีมือการคุมทีมนั้นย่อมไม่ธรรมดาและมีโอกาสลุ้นแชมป์
อย่างไรก็ตาม ทีมชาติซาอุยังคงเป็นทีมที่มีความไม่แน่นอนสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากนักกีฬาในทีมมาจากต่างถิ่นต่างที่ ทำให้เกิดความไม่เข้าขากันอยู่บ่อยครั้ง บทวันไหนจะไหลลื่นก็แทบไม่มีใครสามารถต้านทานไว้อยู่ แต่ถ้าหากวันใดเกิดชะงักขึ้นมาก็เล่นไม่ออกกันทั้งทีมเช่นกัน
ออสเตรเลีย
อีกหนึ่งทีมตัวเต็งสุดท้ายของ 5 เสือแห่งเอเชียก็คือออสเตรเลีย พวกเขามีดีกรีเป็นแชมป์ 1 สมัย และอยู่อันดับที่ 29 ของโลก เป็นรองเกาหลีใต้เพียงแค่ 2 อันดับเท่านั้น โดยพวกเขามีอัตราต่อรองอยู่ที่ 7/1 เช่นเดียวกับทีมซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน
จุดเด่นของทีมชาติออสเตรเลียคือลูกกลางอากาศที่หนักแน่นและโดดเด่น แต่ถ้ามองในแง่กลยุทธ์กลับไม่มีอะไรพลิกแพลงมากเท่าไหร่นัก ซึ่งถือว่าเป็นดาบสองคม แม้พวกเขาจะเก่งกาจเรื่องศึกกลางอากาศ แต่ถ้าหากโดนจับทางได้ก็อาจจะต้องสูญเสียโอกาสในการทำประตูไป ทำให้ออสเตรเลียเป็นทีมที่ถึงแม้จะมีดีกรีแชมป์แต่ก็อาจจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่างเพื่อให้เข้าใกล้แชมป์