ในยุคปัจจุบัน อีเมลเป็นช่องทางการสื่อสารที่สำคัญ ใช้ในการติดต่องาน ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนและครอบครัว รวมไปถึงการซื้อสินค้าออนไลน์ การทำธุรกรรมทางการเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยของบัญชีอีเมลจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
หนึ่งในวิธีรักษาความปลอดภัยบัญชีอีเมลก็คือ การใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและซับซ้อน ไม่ง่ายต่อการคาดเดา แต่ถึงแม้เราจะตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรงแล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงที่รหัสผ่านจะตกอยู่ในมือผู้ไม่หวังดีได้ เช่น จากการถูกแฮ็ก จากการถูกขโมยข้อมูลส่วนตัว หรือจากการที่เราเผลอทำรหัสผ่านรั่วไหลออกไป
ถ้าหากรหัสผ่านอีเมลของเราตกอยู่ในมือผู้ไม่หวังดี จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? มาดูกันครับ
1. โดนอ่านข้อมูลในอีเมล
ผู้ไม่หวังดีจะสามารถอ่านข้อมูลทั้งหมดในอีเมลของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นอีเมลส่วนตัว อีเมลงาน อีเมลที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรืออื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้อาจรวมถึงข้อมูลส่วนตัวของเรา เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมลอื่นๆ รวมไปถึงข้อมูลสำคัญอื่นๆ เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลธนาคาร เป็นต้น
ผู้ไม่หวังดีอาจนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น หลอกลวงเอาเงินจากเรา สมัครสินเชื่อหรือบัตรเครดิตในชื่อของเรา หรือใช้ข้อมูลส่วนตัวของเราไปก่ออาชญากรรมอื่นๆ
2. โดนสวมรอยบัญชี
ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้อีเมลของเราในการสวมรอยเป็นเรา เพื่อติดต่อกับคนอื่น เช่น ติดต่องาน ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนและครอบครัว หรือหลอกลวงเอาเงินจากคนอื่น
หากผู้ไม่หวังดีสามารถหลอกลวงคนอื่นได้สำเร็จ ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจใหญ่หลวง เช่น อาจทำให้เราเสียงาน หรือเสียเงินจำนวนมาก
3. โดนแฮ็กบัญชีอื่นๆ
ผู้ไม่หวังดีอาจใช้อีเมลของเราในการแฮ็กบัญชีอื่นๆ ของเรา เช่น บัญชีโซเชียลมีเดีย บัญชีธนาคาร หรือบัญชีอื่นๆ ที่เราใช้รหัสผ่านเดียวกัน
หากผู้ไม่หวังดีสามารถแฮ็กบัญชีอื่นๆ ของเราได้สำเร็จ ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจใหญ่หลวง เช่น อาจทำให้เราสูญเสียข้อมูลส่วนตัว สูญเสียเงิน หรืออาจถูกหลอกลวงเอาข้อมูลอื่นๆ ไป
4. โดนขโมยข้อมูลส่วนตัว
ผู้ไม่หวังดีอาจใช้อีเมลของเราในการขโมยข้อมูลส่วนตัวของเรา เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลธนาคาร เป็นต้น
หากผู้ไม่หวังดีสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัวของเราได้สำเร็จ ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจใหญ่หลวง เช่น อาจทำให้เราเสียเงินจำนวนมาก หรืออาจถูกหลอกลวงเอาข้อมูลอื่นๆ ไป